Last updated: 3 มิ.ย. 2561 | 7766 จำนวนผู้เข้าชม |
สมกับการถูกขนามนามว่า "ราชาสมุนไพร" ด้วยคุณประโยชน์มหาศาล และสารพัดสารที่อยู่ภายในขมิ้นชันนั้น ซึ่งมีความสามารถในการรักษาโรค และอาการต่างๆได้มากมาย จนทำให้วงการแพทย์ในปัจจุบันหันมาให้ความสนใจขมิ้นชันมากยิ่งขึ้น โดยได้มีการนำไปต่อยอดวิจัยเพิ่มเติมจากอดีต จนเราได้ตัวยาชนิดใหม่ๆที่มีคุณภาพสูง เพื่อใช้ในการรักษาอย่างเห็นผล และวันนี้เราลองมาศึกษาดูกันค่ะ ว่าภายในขมิ้นชันนั้นประกอบไปด้วยสารอะไรบ้าง
สารพัดคุณประโยชน์ที่อยู่ภายใน “ขมิ้นชัน”
โปรตีน
ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกาย
ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอภายในร่างกาย และให้พลังงานแก่ร่างกายในตอนที่ร่างกายขาดพลังงาน
ช่วยสร้างน้ำย่อย ฮอร์โมน และน้ำนม รวมไปถึงการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันด้วย
ช่วยรักษาสมดุลของน้ำตาลในเลือด เนื้อเยื่อ และเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย รวมไปถึงความเป็นกรดด่างของร่างกายด้วย
ช่วยกระตุ้นการผลิตกลูโคส จากนั้นกลูโคสจะเดินทางไปที่ตับ และทำให้ร่างกายของเรารู้สึกอิ่ม ก่อนจะส่งสัญญาณไปยังสมองว่าหยุดรับประทานอาหารได้แล้ว
วิตามินบี 1
ช่วยบำรุงประสาท กล้ามเนื้อ ทำให้หัวใจทำงานเป็นปกติ
ช่วยบำรุงสมอง ความคิด สติปัญญาให้ดีขึ้น
ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโต
ช่วยย่อยอาหารจำพวกแป้งได้ดี
ช่วยบรรเทาอาการเมารถ เมาเรือ เมาเครื่องบิน
ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดหลังการผ่าตัดทำฟัน
ช่วยรักษาโรคงูสวัด
ช่วยรักษาโรคเหน็บชา
วิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน)
บำรุงผิวพรรณ เล็บ และเส้นผม
ช่วยในกระบวนการสร้างการเจริญเติบโตและสืบพันธุ์
เพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น ช่วยบรรเทาอาการอ่อนล้าของสายตา
ช่วยลดความเจ็บปวดจากไมเกรน
กำจัดอาการเจ็บแสบในปาก ริมฝีปาก และลิ้น
ทำงานร่วมกับสารอื่น ๆ ในการเผาผลาญอาหารประเภทแป้ง ไขมัน และโปรตีน
วิตามินบี 3 (ไนอะซิน)
ช่วยบำรุงผิวพรรณ
ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์
ช่วยเผาผลาญไขมันและช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น บรรเทาปัญหาต่าง ๆ ของระบบย่อยอาหาร
บรรเทาอาการปวดศีรษะจากไมเกรน
ลดอาการวิงเวียนศีรษะของโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน
เพิ่มการไหลเวียนของเลือด ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยรักษาอาการร้อนในและกลิ่นปาก
บรรเทาอาการท้องร่วง
ช่วยเพิ่มพลังงานที่ได้จากการย่อยและเผาผลาญอาหาร
เหล็ก
ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันอาการโรคโลหิตจาง
ช่วยให้ร่างกายเติบโตเป็นปกติ มีความแข็งแรง
ธาตุเหล็กเป็นองค์ประกอบของโปรตีนหลายชนิดที่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย ทำให้เจ็บป่วยยากขึ้น
ช่วยกำจัดโลหะหนักที่เป็นพิษออกจากร่างกาย เช่น แคดเมี่ยม
ช่วยให้เซลล์สมองเจริญเติบโตได้ดี
ทองแดง
มีคุณสมบัติช่วยเปลี่ยนธาตุเหล็กให้เป็นเฮโมโกลบิน หลังจากรับประทานจะถูกดูดซึมเขาสู่กระแสเลือดภายใน 5 นาที โดยช่วยทำให้ร่างกายใช้กรดอะมิโนไทโรซินได้ โดยไทโรซิน คือส่วนหนึ่งของการสร้างเม็ดสีที่เส้นผมและผิวหนัง และมีความจำเป็นต้องใช้เป็นตัวประกอบในการนำวิตามินซีไปใช้งาน
แมกนีเซียม
ช่วยในการเผาผลาญไขมันและเปลี่ยนเป็นพลังงาน ควบคุมระดับคอเลสเตอรอล
ช่วยรักษาอาการซึมเศร้าได้ ป้องกันการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ
ช่วยทำให้หลอดเลือดและหัวใจแข็งแรง ช่วยป้องกันโรคหัวใจเฉียบพลัน
ช่วยลดความรุนแรงของการเจ็บปวดจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (Anginapain)
ช่วยให้สุขภาพฟันแข็งแรง
ช่วยป้องกันการคลอดบุตรก่อนครบกำหนด และบรรเทาอาการปวดก่อนมีประจำเดือน (PMS)
ช่วยบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อยในกระเพาะ ช่วยป้องกันการสะสมตัวของแคลเซียม นิ่วในไต และนิ่วในถุงน้ำดีได้
เมื่อทำงานร่วมกับแคลเซียมจะทำงานคล้ายยาสงบประสาท บรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน
ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ มีส่วนช่วยในการป้องกันและรักษาโรคหืดหอบ
วิตามิน A
มีส่วนสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการสร้างกระดูกและฟัน มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา ช่วยลดการอักเสบของสิว และยังมีความสามารถในการลดจุดด่างดำได้ ช่วยส่งเสริมภูมิต้านทาน ปริมาณที่แนะนำให้รับประทานต่อวันคือ 900 ug
วิตามิน C
ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก ส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนให้กับผิวหนัง ทำให้ผิวหนังมีสุขภาพดี ส่งเสริมภูมิคุ้มกัน กระตุ้นทำให้เกิดการสร้างกระดูกและฟัน ปริมาณที่แนะนำต่อวันคือ 1,000 มิลลิกรัม
วิตามิน E
ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ กระตุ้นการทำงานของระบบประสาท ระบบสืบพันธ์ และกล้ามเนื้อ ช่วยบรรเทาอาการเหนื่อยล้า และอ่อนเพลีย ช่วยบำรุงทำให้สุขภาพผิวเป็นปกติ ร่างกายต้องการวันละ 40-200 IU
สังกะสี
มีความสำคัญต่อการสร้างโปรตีน และคอลลาเจน ควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อ ช่วยในการสร้างฮอร์โมนอินซูลิน ยังเป็นส่วนประกอบของเอนไซม์สำคัญมากมาย รวมทั้งสารต้านอนุมูลอิสระอย่างซูเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเทส (เอสโอดี)
มีความสำคัญต่อความเสถียรของเลือด (ช่วยให้ความเข้มข้นของวิตามินอีในเลือดอยู่ในระดับที่เหมาะสม) และช่วยควบคุมสมดุลกรด และด่างในร่างกาย
ช่วยให้ต่อมลูกหมากทำงานได้เป็นปกติ มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของอวัยวะสืบพันธุ์
ซิงค์จำเป็นต่อการสร้างดีเอ็นเอ และยังมีส่วนสำคัญต่อการทำงานของสมอง
โพแทสเซียม
ช่วยควบคุมสมดุลของน้ำในร่างกายและช่วยทำให้หัวใจเต้นเป็นปกติ
ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยรักษาภูมิแพ้
ช่วยให้มีสติปัญญา จิตใจร่าเริงแจ่มใสได้ โดยการส่งออกซิเจนไปเลี้ยงที่สมอง และช่วยกำจัดของเสียในร่างกาย
ฟอสฟอรัส
ฟอสฟอรัสสามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพเหงือกและฟันให้แข็งแรง
ช่วยในการเจริญเติบโต ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย
ฟอสฟอรัสช่วยบรรเทาอาการปวดจากข้ออักเสบได้
มีส่วนช่วยในกระบวนการเผาผลาญไขมันและแป้ง ทำให้ร่างกายมีพลังงานและกระปรี้กระเปร่า
แคลเซียม
ช่วยให้กระดูกและฟันมีสุขภาพแข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกเสื่อมและกระดูกหัก
ช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่
ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับ มีส่วนช่วยให้จังหวะการเต้นของหัวใจเป็นปกติ
ช่วยเผาผลาญธาตุเหล็กในร่างกาย ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก
ช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกอ่อนในเด็ก
ช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกน่วม ช่วยป้องกันภาวะกระดูกพรุน และช่วยป้องกันอาการกระดูกหักง่ายในวัยสูงอายุ
ช่วยเรื่องระบบประสาท โดยเฉพาะการส่งต่อสัญญาณประสาท
ใยอาหาร
ใยอาหารช่วยควบคุมระดับน้ำตาล ช่วยลดการดูดซึมของน้ำตาล จึงมีผลดีต่อผู้ที่เป็นเบาหวาน ผู้เป็นเบาหวานที่รับประทานใยอาหารประมาณ 8-20 กรัมต่อ 100 กรัมของคาร์โบไฮเดรต ตะสามารถช่วยลดระดับกลูโคสและอินซูลินได้ประมาณ 20-50% เชื่อกันว่าใยอาหารชนิดละลายน้ำจะช่วยเพิ่ม glucose tolerance แต่ใยอาหารที่ไม่ละลายจะไม่มีผลเลยหรืออาจมีผลเพียงเล็กน้อย
ช่วยลดระดับไขมันในเลือด ช่วยจับไขมันในอาหาร ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ใยอาหารชนิดละลายน้ำสามารถช่วยลดระดับโททัลและแอลดีแอลคอเลสเตอรอล (ไขมันเลว) ในเลือดได้ และการรับประทานใยอาหารในข้าวโอ๊ตและเบต้ากลูแคนในปริมาณ 3-15 กรัมต่อวัน จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้ประมาณ 5-15% จะเห็นได้ชัดในในผู้ที่มีระดับไขมันในเลือดสูง) ส่วนใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำเช่นเซลลูโลสและ Wheat bran จะไม่มีผลต่อระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรคให้กับร่างกาย ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ
ช่วยป้องกันและรักษาอาการท้องผูกและท้องเสีย โดยใยอาหารชนิดที่เป็นเซลลูโลสจะมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ ทำให้อุจจาระอ่อน ขับถ่ายได้ดี ท้องไม่ผูก จึงช่วยลดโอกาสการเป็นโรคริดสีดวงทวาร ลำไส้โป่งพอง รวมไปถึงมะเร็งลำไส้ใหญ่ ใยอาหารช่วยในการขับถ่ายของลำไส้ใหญ่ ใยอาหารไม่ละลายน้ำสามารถช่วยเพิ่มเนื้อของอุจจาระได้ เนื่องจากไม่สลายตัวลำไส้ใหญ่และยังสามารถจับกับน้ำได้ด้วย จึงช่วยทำให้อุจจาระอ่อนนุ่ม แต่ถ้าเป็นใยอาหารชนิดหยาบจะทำให้เกิดเนื้ออุจจาระมากขึ้น ส่วนใยอาหารละลายน้ำจะทำให้มีเนื้ออุจจาระน้อย และถ้าเป็นใยอาหารที่ถูก ferment ได้ดีก็จะทำให้ลำไส้ใหญ่มีแบคทีเรียเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดแก๊สในอุจจาระได้มาก จึงอาจเพิ่มปริมาตรและน้ำหนักของอุจจาระได้ ใยอาหารที่ละลายน้ำมักจะไม่ลด transit time ของลำไส้ใหญ่ ส่วยใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำจะลด transit time ของลำไส้ใหญ่ ส่วนใยอาหารชนิดไม่ละลายน้ำจะทำให้การถ่ายอุจจาระถี่ขึ้นจากเดิมที่ถ่ายน้อย
เคอร์คูมินอยด์
เคอร์คูมินอยด์ลดการสร้างอนุมูลอิสระของไขมันและลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือดได้อย่างมี นัยสำคัญในคน ขนาดเคอร์คูมินอยด์ที่ใช้ประมาณ 500 มก./วัน หรือเทียบเท่า ขมิ้นแห้งที่ได้มาตรฐานประมาณ 10 กรัม
เคอร์คูมินอยด์ป้องกันโรคสมองเสื่อมโดยลดจำนวนกลุ่มของสารซึ่งเป็นสาเหตุของโรคสมองเสื่อม ได้ในสัตว์ทดลอง นอกจากนี้ เคอร์คูมินอยด์ ยังช่วยลดการอักเสบของเนื้อเยื่อสมองที่เป็นโรคเกี่ยวกับสมองเสื่อมและ ลดการเสียหาย เนื่องจาก การเกิดอนุมูลอิสระของเซลล์ในสมอง
เคอร์คูมินอยด์ยับยั้งการสร้างเอนไซม์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งบางชนิดและโรคอักเสบอย่างเรื้อรังในสัตว์ทดลอง จากการศึกษามะเร็งเต้านมในคน เคอร์คูมินอยด์สามารถลดการเติบโตของมะเร็งเต้านมที่เกิด จากการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีที่เป็นสาเหตุการเกิดของมะเร็งเต้านมได้ ในสัตว์ทดลองบพว่าเคอร์คูมินและ อนุพันธ์ ของเคอร์คูมินสามารถยับยั้งการเกิดปฏิกริยาเคมีที่ก่อให้เกิดมะเร็งที่ลำไส้ และผิวหนัง
เคอร์คูมินอยด์ป้องกันสารเคมี ยาฆ่าแมลงที่มีคุณสมบัติคล้ายเอสโตรเจน รวมทั้ง ดีดีที และไดอ๊อกซิน ไม่ให้เข้าสู่เซลล์และป้องกันเซลล์ไม่ให้เป็น มะเร็ง ได้มีการทดลองทางคลินิกพบว่าการให้เคอร์คูมินอยด์ขนาด 1200 มก. ต่อวัน เป็นเวลา 5-6 สัปดาห์ มีฤทธิ์ในการลดการอักเสบ โดยเคอร์คูมินอยด์ไปยับยั้ง การสร้างเอนไซม์ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์สารที่ก่อให้เกิด การอักเสบ เคอร์คูมินอยด์จึงสามารถนำมาใช้ต้านการอักเสบได้ เหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องปวดข้อ แต่ทานยาแผนปัจจุบันไม่ได้เพราะมีผลข้างเคียงมากมาย โดยเฉพาะผลต่อกระเพาะ อาหาร
สารสกัดขมิ้นชันมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อราที่เป็นสาเหตุโรคผิวหนังโดยเฉพาะ เชื้อราที่เป็นสาเหตุของโรคกลาก
ขมิ้นชันยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง สารสำคัญในการออกฤทธิ์ คือ เคอร์คูมิน น้ำมันหอมระเหย และ p-tolylmethylcarbinol
ด้วยความสามารถ และคุณประโยชน์อันมากมายของ ขมิ้นชัน” ทำให้ได้รับความสนใจจากทางการแพทย์เป็นจำนวนมาก นำไปวิจัยและพัฒนาเป็นยารักษาโรคต่างๆในปัจจุบัน หากต้องการทดลองทานขมิ้นชันคุณภาพสูง สามารถละลายน้ำได้มากกว่าขมิ้นชันทั่วไปถึง 10,000 เท่า แบบส่งตรงถึงบ้าน รวดเร็วทันใจ พร้อมบริการเก็บเงินปลายทาง สอบถามได้ตามช่องทางด้านล่างนี้เลยค่ะ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Tel: 084-6368708, 062-4567878
Line: @Thaiherb2017
Facebook page: https://www.facebook.com/thaiherb2017
15 พ.ค. 2561